รวยได้อย่างไรกับไส้เดือนดิน
ไส้เดือนดิน เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ตัวเล็กๆ แล้วเกษตรกร รวยได้อย่างไร กับ ไส้เดือนดิน เชื่อว่าต้องมีบางคนที่คิดแบบนี้ รวยได้ ถ้าเกษตรกรรู้จักประโยชน์ของไส้เดือนดิน รู้จักวิธีต่อยอด เพิ่มมูลค่าจากการเลี้ยงไส้เดือนดิน สัตว์เศรษฐกิจอย่าง ไส้เดือนดิน นับวันจะมีแต่เพิ่มมูลค่า คิดง่ายๆ แค่ว่า ทุกวันนี้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปริมาณประชากร ยิ่งขยะเพิ่ม ความต้องการไส้เดือนดิน ก็ยิ่งเพิ่ม นี่แค่ประโยชน์ด้านเดียวของไส้เดือนดินนะคะ ไส้เดือนดิน ยังเป็นอาหารแหล่งโปรตีนสูงเหมาะที่จะนำมาเป็นอาหาร หรืออาหารแปรรูปให้สัตว์ต่างๆ เช่น นก ไก่ กบ ปลา, ใช้ไส้เดือนดินทำยา เครื่องสำอาง และปุ๋ยที่มีคุณภาพสูง
ประโยชน์ในการเลี้ยง ไส้เดือนดิน มีดังนี้
1. ผลิตปุ๋ยหมัก น้ำสกัดชีวภาพจากไส้เดือน ช่วยผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณค่าต่อพืช มูลไส้เดือนมีธาตุอาหารที่พืชต้องการ คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ครบสมบูรณ์ และอยู่ในรูปที่ละลายน้ำได้ดีจึงเป็นประโยชน์ต่อพืช ใช้ในการเกษตรเพื่อฟื้นฟูสภาพดินที่เสื่อมโทรม ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินและเพิ่มแร่ธาตุอาหารแก่พืช ใช้ได้กับการผลิตพืชสวนประดับ เช่น การใช้เป็นวัสดุเพาะกล้า หรือใช้ผสมกับวัสดุปลูกอื่นๆ สำหรับปลูกไม้กระถางการค้าเพื่อลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยมูลไส้เดือนดิน คืออะไร
มูลไส้เดือนดิน มีความอุดมสมบูรณ์ช่วยปรับปรุงดินตามธรรมชาติ ไส้เดือนดินกินแล้วย่อย ช่วยให้เกิดสารอาหารและชีวิตของจุลินทรีย์ ที่มีการเจริญเติบโตตามธรรมชาติ ที่ทำให้ดินเกิดความสมบูรณ์มากที่สุด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ใช้งานง่ายและมีความปลอดภัย ไม่มีกลิ่นเหม็น
ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน คืออะไร
เป็นผลผลิตจากการหมักรวม เศษซากอินทรียวัตถุต่างๆ รวมทั้งดินและจุลินทรีย์ที่ไส้เดือนดินกินเข้าไปแล้วผ่านกระบวนการย่อยสลาย
อินทรียวัตถุเหล่านั้นภายในลำไส้ของไส้เดือนดิน แล้วขับถ่ายเป็นมูลออกมามีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ มีธาตุอาหารพืชที่พืชต้องการนำไปใช้ในการเจริญเติบโตในปริมาณที่สูง และมี จุลินทรีย์จำนวนมาก ซึ่งในกระบวนการผลิตปุ๋ยหมักโดยใช้ไส้เดือนดิน ขยะอินทรีย์ที่ไส้เดือนดินกินเข้าไป และผ่านการย่อยสลายในลำไส้แล้วขับถ่ายออกมา มูลไส้เดือนดินที่ได้เรียกว่า ‘ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน’ ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินมีลักษณะเป็นเม็ด ร่วน ละเอียด เบา สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ระบายน้ำและอากาศได้ดีมากด้วยความโปร่ง จุความชื้นสูงและมีปริมาณอินทรียวัตถุสูงมาก ผลจากการย่อยสลายขยะอินทรีย์ที่ไส้เดือนดินดูดกินเข้าไปภายในลำไส้ และด้วยกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้และน้ำย่อยของไส้เดือนดินจะช่วยเปลี่ยนไนโตรเจน ให้อยู่ในรูป ไนเตรท หรือ แอมโมเนีย ฟอสฟอรัสในรูปที่เป็นประโยชน์ โพแทสเซียมในรูปที่แลกเปลี่ยนได้ ให้พืชนำธาตุอาหารหลายๆ ชนิดไปใช้ได้ และนอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของธาตุอาหารพืชชนิดอื่นและจุลินทรีย์หลายชนิด ที่เป็นประโยชน์ต่อดิน รวมทั้งสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชหลายชนิด ที่เกิดจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ในลำไส้ของไส้เดือนดินอีกด้วย
การใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน และ น้ำหมักมูลไส้เดือนดินในการปลูกพืชจะส่งผลให้ดินมีโครงสร้างดีขึ้น ทำให้ดินกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น มีความโปร่ง ร่วนซุย รากพืชสามารถชอนไชและแพร่กระจายได้กว้าง ดินมีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ทำให้จุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์บริเวณรากพืช สามารถสร้างเอนไซม์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้เพิ่มชึ้น นอกจากนี้ จุลินทรีย์ดินที่ปนออกมากับมูลของไส้เดือนดินยังสามารถสร้างเอ็นไซม์ฟอสฟาเตสได้อีกด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณฟอสฟอรัสในดินให้สูงขึ้นได้
ประโยชน์และความสำคัญของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
1.ส่งเสริมการเกิดเม็ดดิน
2.เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุแก่ดิน
3.เพิ่มช่องว่างในดินให้การระบายน้ำและอากาศดียิ่งขึ้น
4.ส่งเสริมความพรุนของผิวหน้าดิน ลดการจับตัวเป็นแผ่นแข็งของหน้าดิน
5.ช่วยให้ระบบรากพืชสามารถแพร่กระจายตัวในดินได้กว้าง
6.เพิ่มขีดความสามารถในการดูดซับน้ำในดิน ทำให้ดินชุ่มขึ้น
7.เพิ่มธาตุอาหารพืชให้แก่ดินโดยตรง และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์และจุลินทรีย์ดิน
8.เพิ่มศักยภาพการแลกเปลี่ยนประจุบวกของดิน
9.ช่วยลดความเป็นพิษของธาตุอาหารพืชบางชนิดที่มีปริมาณมาเกินไป เช่น อลูมินั่ม และแมงกานีส
10.ช่วยเพิ่มความต้านทานในการเปลี่ยนแปลงระดับความเป็นกรด-เบส (Buffer capacity) ทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่เร็วเกินไปจนเป็นอันตรายต่อพืช
11.ช่วยควบคุมปริมาณไส้เดือนฝอยในดิน เนื่องจากการใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจะทำให้มีปริมาณจุลินทรีย์ที่สามารถ ขับสารพวกอับคาลอยด์ และกรดไขมันที่เป็นพิษต่อไส้เดือนฝอยได้เพิ่มขึ้น
การใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน เป็นส่วนผสมของวัสดุปลูกและวัสดุเพาะกล้าพืช
นอกจากการนำปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินไปใช้เป็นปุ๋ยแล้ว ยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมของวัสดุปลูกและวัสดุเพาะกล้าพืชได้ วัสดุปลูกพืชหรือวัสดุเพาะกล้าพืชทีมีส่วนผสมของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจะมี ธาตุอาหารพืชอยู่ในปริมาณที่เจือจางและอยู่ในรูปพร้อมใช้ ซึ่งจะค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้กับต้นกล้าพืชในการเจริญเติบโตระยะแรกได้อย่างเหมาะสม ประกอบกับปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินมีโครงสร้างที่โปร่งเบาระบายน้ำและอากาศได้ ดี และจุความชื้นได้มาก ดังนั้นต้นกล้าพืชจะสามารถเจริญเติบโตออกรากและชอนไชได้ดีมาก ในการนำมาปลูกพืชจำพวกได้ประดับ จะส่งเสริมให้พืชออกดอกได้ดีมากเนื่องจาก จุลินทรีย์ในปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินสามารถสร้างเอนไซม์ฟอสฟาเตสได้ จึงทำให้วัสดุปลูกนั้นมีปริมาณของฟอสฟอรัสเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้พืชออกดอกได้ ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน ที่นำมาใช้เป็นวัสดุปลูกพืชจะแตกต่างกันตามวัสดุ ที่นำมาใช้ผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน แต่โดยทั่วไปแล้วโครงสร้างของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินที่ได้จะมีลักษณะที่คล้ายกัน คือ มีส่วนประกอบของธาตุอาหารพืชที่อยู่ในรูปที่พืชสามารถดูดไปใช้ได้ มีส่วนประกอบของธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมเกือบทุกชนิดที่พืชต้องการ ในการนำปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินมาใช้เป็นวัสดุปลูก ควรจะนำมาผสมกับวัสดุปลูกชนิดอื่นๆ ก่อน เนื่องจากปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจะประกอบด้วยอินทรียวัตถุเป็นส่วนใหญ่ และมีอนุภาคของดินอยู่น้อย ดังนั้น การนำปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินที่ได้มาผสมกับวัสดุปลูกชนิดอื่นๆ จะได้ผลดีกว่าและสิ้นเปลืองน้อยกว่าการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินเพียงอย่าง เดียว ซึ่งในการปลูกพืชสวนประดับสามารถนำปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินมาเจือจางได้หลายระดับ
ข้อดี ของวัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
- ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน สามารถช่วยเก็บความชื้นและปลดปล่อยออกมาให้พืชอย่างช้าๆ เมื่อพืชต้องการ ยืดระยะเวลาการให้น้ำแก่พืชได้นานขึ้น
- ใช้ผสมดินที่เป็นดินเหนียวจะช่วยเพิ่มอากาศในดิน ทำให้ดินร่วนซุย และช่วยในการถ่ายเทน้ำและอากาศได้สะดวก
- ใช้ผสมดินที่เป็นดินทรายจะช่วยเพิ่มเนื้อดิน ช่วยให้ดินเก็บรักษาความชื้น และธาตุอาหารในดิน
- ลดการชะล้างธาตุอาหารของน้ำ
- ลดปัญหาการสลายตัวของธาตุอาหาร เป็นตัวปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ ทำให้ประหยัดปุ๋ย ปกป้องดินไม่ให้มีสภาพโครงร้างแน่นเข็งและช่วยเติมอินทรียวัตถุในเนื้อดิน ช่วยให้ดินร่วนซุย รากพืชสามารถแพร่ขยายได้กว้าง
- ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจะมีส่วนประกอบของกรดฮิวมิค ซึ่งเป็นตัวกักเก็บธาตุอาหาร ที่จำเป็นต่อพืชหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) เหล็ก (Fe) และทองแดง (Cu) ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในโมเลกุลของกรดฮิวมิค อยู่ในรูปพร้อมใช้ และจะถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อพืชต้องการ
2. กำจัดเศษอาหารและขยะ เนื่องจากขยะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ในการจัดการกำจัดเศษอาหารและขยะที่เพิ่มขึ้นทุกวัน การใช้ไส้เดือนในการกำจัดเศษอาหารและขยะไม่ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษแก่ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และมนุษย์เหมือนวิธีการเผา หรือวิธีการฝังกลบที่ยังไม่มีพื้นที่รองรับอย่างเพียงพอ และยังได้ปุ๋ยหมักนำมาใช้บำรุงพืชได้อีกด้วย บางประเทศใช้ไส้เดือนดินกำจัดโลหะหนัก เช่น แคดเมียม, ตะกั่ว และปรอท บ้างก็ใช้กำจัดขยะอุตสาหกรรม เช่น ขยะจากอุตสาหกรรมผลิตเบียร์ และกระดาษ เศษวัสดุจากอุตสาหกรรมพืชสวนและเห็ด
นอกจากนี้ ไส้เดือนดินยังช่วยกำจัดกลิ่นจากกองขยะ และคอกปศุสัตว์ในฟาร์มได้ดีมาก มีไส้เดือนดินเพียง 2-3 ชนิดเท่านั้น ที่เหมาะสมในการใช้กำจัดขยะ เนื่องจากสามารถมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเข้มข้นของอินทรียวัตถุสูง และสามารถขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว โดยทั่วไปแล้วไส้เดือนที่มีขนาดใหญ่ ขุดโพรงลึก ไม่เหมาะจะนำมาใช้ เนื่องจากมีอัตราการขยายพันธุ์ต่ำ ผลิตอินทรียวัตถุได้ไม่มาก จะเป็นผู้บริโภค มากกว่าผู้ผลิตอินทรียวัตถุ
3.อาหาร ปัจจุบันมนุษย์รู้จักนำไส้เดือนดินมาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างดีมาก ต่อการดำรงชีวิต โดยการนำเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ เช่น ทำพาย ทอดกับไข่ หรือเมนูแปลก และนำมาทำอาหารเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ จำพวกสัตว์ปีก ปลา กบ และหมู เนื่องจากไส้เดือนมีโปรตีนที่สูงถึง 60-65เปอร์เซ็นต์ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารสัตว์ลงได้ ในไส้เดือนดินแห้งมีวิตามินเอ บี บี1 และดี นำมาผลิตเป็นเม็ดส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น
4.ยารักษาโรค จากงานวิจัยในต่างประเทศชี้ชัดว่า สารเคมีบางชนิดที่ได้จากไส้เดือน ช่วยในการรักษาโรคหัวใจ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ตำรายาจีนบอกว่า เป็นอาหารที่ใช้บำรุงกำลัง บำรุงทางเพศ และแก้โรคช้ำใน ด้วยวิธีปรุงสำเร็จตามตำรา รับประทานเป็นอาหารเช้า คู่กันกับน้ำเต้าหู้ หรือด้วยวิธีนำไปตากแห้ง แล้วนำไปทำเป็นยาบำรุงหัวใจ และบำรุงทางเพศ ตำรายาจีนบางขนานใช้ไส้เดือนเป็นส่วนผสม เพื่อบรรเทาอาการปวด ลดความดันโลหิตสูง ป้องกันแบคทีเรีย ปัองกันอาการชัก การขยายหลอดเลือด ส่งเสริมการให้นมบุตร เป็นยาบำรุงและปกป้องผิว สำหรับคนไทย เชื่อว่าเป็นยาแก้ช้ำใน บางประเทศนำมาผลิตเป็นยา หรืออาหารเสริม ที่มีส่วนผสมของไส้เดือนดินสกุลลัมไบรคัส (Lumbricus) มีสรรพคุณในการป้องกันมะเร็ง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงตับ ป้องกันโรคลิ่มเลือดอุดตัน ขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และบำรุงหัวใจ
จากบทความนี้ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความ การใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน และปัญหาจากการใช้ปุ่ยหมักมูลไส้เดือนดิน, การใช้ไส้เดือนดินกำจัดเศษอาหารและขยะ อาหารเสริมเลี้ยงสัตว์ ด้วย โปรตีนจากไส้เดือนดิน และวิธีการผลิต และท่านผู้อ่านคงจะสรุปได้ว่า ต้องการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อวัตถุประสงค์ใด ติดตาม บทความ การเลี้ยงไส้เดือนดินให้ รวย แบบ 4.0 ว่ามีวิธีเลี้ยงอย่างไร ดูแลอย่างไร และเตรียมตัวต่อยอดธุรกิจเป็นผู้ประกอบการจากผลผลิตของไส้เดือนดินกันนะคะ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : คลิ๊กที่นี่
(แหล่งข้อมูล https://teetatfarm.wordpress.com, หนังสือ ‘คู่มือการผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนเงินล้าน’ สนพ.นาคา โดย อภิชาต ศรีสอาด และ ศุภวรรณ์ ใจแสน)