มันม่วงพืชเศรษฐกิจมาแรง
มันม่วง พืชเศรษฐกิจมาแรง หรือมันเทศสีม่วง ที่หยิบยกมาแนะนำในวันนี้ เป็นมันเทศสีม่วงจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์มาแล้ว เนื้อมันเทศที่มีสีม่วงเข้มตลอดทั้งหัว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในตลาดขนมของประเทศเราเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดโลก มันม่วง มีราคาค่อนข้างแพงในปัจจุบัน ผัก ผลไม้ที่มีสีม่วง รวมทั้งพืชหัวอย่างมันเทศสีม่วงนี้ มีสารแอนโทไซยานินในปริมาณมากกว่ามันเทศสายพันธุ์อื่น ช่วยยับยั้งเชื้ออิโคไลที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง นอกจากนี้แล้ว มันม่วง ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เรามาดูกันนะคะ ว่ามันเทศชนิดนี้ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ประโยชน์จากสารอาหาร ใน มันม่วง
คาร์โบไฮเดรต
ลดน้ำหนักหลายคนรู้สึกประหลาดใจ เพราะขึ้นชื่อว่า มันเทศ น่าจะมีคาร์โบไฮเดรตเยอะ…ใช่ค่ะ มีคาร์โบไฮเดรตทำให้อ้วน…ตรงกันข้ามค่ะ…แหล่งคาร์โบไฮเดรตชั้นดีในมันม่วง ให้พลังงานโดยไม่ก่อพิษต่อร่างกายแบบอาหารแปรรูปจากแป้งและน้ำตาลแบบอื่น ๆ และเพื่อให้ได้ผลดี รับประทานมันม่วงเป็นหัวโดยตรง เช่น มันม่วงต้ม จะได้ผลในการลดน้ำหนัก มากกว่าการรับประทานมันม่วงที่แปรรูปแล้ว รสชาติมันม่วง หวาน อร่อย แต่มีค่า GI ต่ำ ค่า GI หรือ Glycemic index คือ เมื่อเรารับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เข้าไป ร่างกายย่อย และดูดซึมแล้วสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้มากหรือน้อย มีปริมาณเท่าไหร่ ก็ใช้ ค่าดัชนี GIตรวจวัดคุณภาพของอาหารนั้น ตั้งแต่ 0 ถึง 100 ซึ่งมันม่วงมีค่า GI ต่ำ และเมื่อรับประทานแล้วไม่ต้องกลัวว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น แถมจะรู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวง่ายหรือหิวบ่อยนั่นเอง
โรคเบาหวาน
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื้อมันม่วงเป็นคาร์โบไฮเดรตแทนข้าวสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในบางประเทศ
โพแทสเซียม
ช่วยในการทำงานของตับ จากโพแทสเซียมที่อุดมอยู่ในมันม่วงมีปริมาณมากกว่าข้าวขาวถึง 18 เท่า จึงช่วยลดอาการบวมและช่วยในเรื่องของความดันโลหิตต่ำ วิธีรับประทานให้ได้ผลดี ต้มมันม่วงไว้รับประทาและอย่าลืมเก็บน้ำต้มมันม่วงไว้รับประทาน เพราะโพแทสเซียมละลายได้ง่ายในการประกอบอาหารหรือถูกความร้อนมากๆ
สารแอนโทไซยานิน
ที่มีอยู่สูงใน มันม่วง มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันได้ ช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา วิตามิน E และ สาร Anti – Aging ช่วยชะลอความแก่ ความชราได้ เพราะที่ผิวของมันม่วง มีสารประกอบที่ช่วยชะลอความเสื่อมของผิว และยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของผิวก่อนวัยอันควร หรือผิวเหี่ยว มีริ้วรอยวิตามินอี ที่มีอยู่ไม่น้อยในมันม่วงยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส ชุ่มชื้น
สาร Yarapin (ยาราพิน) และ ใยอาหาร
สารยาราพิน เป็นสารอาหารที่พบได้ในมันม่วงเท่านั้น มีฤทธิ์ในการช่วยล้างสารพิษหรือ ของเสียที่ตกค้างในร่างกาย ช่วยปกป้องกระเพาะอาหาร และช่วยให้ลำไส้ขับของเสียออกมาได้ไวขึ้น สารชนิดนี้มีอยู่ที่บริเวณผิวเปลือกมันม่วงซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้เท่านั้น แต่ยังชะลอความแก่ได้ด้วย ไม่เพียงเท่านี้นะคะ ใยอาหารหรือ Fiber ทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำที่มีอยู่ในมันม่วง ส่งผลดีต่อสุขภาพลำไส้ เพิ่มประสิทธิภาพให้ลำไส้สะอาดและทำงานได้ดียิ่งขึ้น เมื่อร่างกายไม่มีสารตกค้างก็จะส่งผลให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
วิตามิน C
ตามที่บอกไว้ตอนต้นว่า มันม่วงรสชาติหวาน แต่เรามักจะคิดว่า วิตามินซี มีอยู่ใน ผลไม้หรืออาหารรสเปรี้ยวเท่านั้น สำหรับมันม่วงแล้ว มีวิตามินซีในปริมาณ 30 ถึง 100 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับการรับประทานแอปเปิ้ล 7 ลูกวิตามินซีในมันม่วง เมื่อถูกนำไปปรุงอาหาร หรือทำขนมด้วยกรรมวิธีผ่านความร้อน วิตามินซีจะยึดติดกับเนื้อแป้งจนมีความหนึบ และยังคงให้ประโยชน์กับผู้บริโภคได้
วิตามินเอ วิตามินซี สารอาหารลูทิน (Lutein)
จากใบและยอดอ่อนของมันเทศทุกสี สามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร ช่วยบำรุงสายตา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ของ มันม่วง หรือมันเทศญี่ปุ่นสีม่วง
มันม่วง เป็นมันเทศชนิดหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้ว มันเทศจะมีหัวต่างๆ : สีขาว สีเหลือง สีส้ม สีน้ำตาล สีแดง และสีม่วง เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นไม่มีเนื้อไม้ เลื้อยไปตามดิน รากเป็นระบบรากฝอยสะสมอาหารไว้เลี้ยงลำต้น และหัวใต้ดิน ใบ มีรูปร่างคล้ายรูปหัวใจ ดอกสีขาวปนสีชมพู หรือสีม่วง
การปลูกมันม่วง หรือมันเทศญี่ปุ่นสีม่วง
สายพันธุ์
ขอแนะนำให้ใช้ยอดพันธุ์ โอกินาวา เพราะรสชาติหวาน สีม่วงตลอดทั้งหัว และได้มีการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์มาแล้ว
ฤดูกาลเพาะปลูก
สำหรับภูมิอากาศของประเทศไทย ปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่การปลูกมันม่วง หรือมันเทศโดยปกติ ควรปลูกสลับกับพืชล้มลุกประเภทอื่นๆ เช่น ถั่วเขียว หรือ ปอเทือง เมื่อถั่วเขียวมีอายุได้ประมาณ 45 วัน ให้ไถกลบเพื่อเป็นปุ๋ยพืชสด เพิ่มอาหารในดิน แล้วจึงทำการเพาะปลูกมันม่วงต่อไป
การคัดเลือกยอดพันธุ์
ยอดพันธุ์ที่มีลักษณะดี ควรมียอดใบประมาณ 6 ถึง 7 ใบบนเครือ มีสีสันที่เขียวสวยและไม่บอบบาง ก้านเครืออ้วนสมบูรณ์ ยาวประมาณ 25 ถึง 30 เซนติเมตร ช่วงระหว่างใบต้องไม่เว้นระยะยาวห่างจนเกินไป
การเตรียมยอดพันธุ์
เกษตรกร หรือผู้ปลูกสามารถขยายพันธุ์จากหัวของมันม่วงได้เอง โดย นำหัวมันม่วง มาตัดแบ่งขนาดประมาณ 1.5 ถึง 2 นิ้ว ต่อชิ้น แช่ในน้ำสะอาด หรือน้ำผสมน้ำหมักจุลินทรีย์เพื่อเร่งให้รากงอกเร็วขึ้น เมื่อมีรากและใบอ่อนเริ่มงอกขึ้นมา ให้นำไปปลูกลงดิน รอจนมันม่วงแตกยอด เลือกยอดพันธุ์ตามลักษณะที่กล่าวไว้ข้างต้น ไปปลูกลงในแปลง
เครดิตรูป : orchidtropical.com
การเตรียมดินและแปลงเพาะปลูก
การขึ้นแปลงสามารถช่วยให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายกว่าการปลูกลงพื้นดินโดยตรง ขึ้นแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร ร่องกว้างระหว่างแปลง 30 เซนติเมตร เมื่อขึ้นแปลงเสร็จแล้วให้เจาะหลุมกลางแปลงแล้วใส่ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยคอกมูลวัว หรือ ปุ๋ยมูลไก่ลงไปรองพื้น เพราะมีธาตุฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูง
เครดิตรูป : orchidtropical.com
การปลูกยอดพันธุ์มันเทศลงดิน
- ในกรณีที่ดินมีความชื้นต่ำ หรือแห้งง่าย
- ให้ปลูกแบบนำต้นวางราบดินแล้วกลบดิน
- ส่วนดินที่มีความชื้นคงที่
- ให้ฝังต้นลงไปให้เหลือแต่ยอดโผล่พ้นดินประมาณ 3 ถึง 5 ยอด
เครดิตรูป : orchidtropical.com
การเก็บเกี่ยวหัวมันม่วง
- ระยะ 90 ถึง 150 วัน หลังการปลูก สามารถเก็บเกี่ยวมาปลูกหรือจำหน่ายได้
- วิธีการสังเกต หัวมันด้วยการดึงถ้าที่โคนต้นหนัก หรือใช้มือคุ้ยดูตรงโคนแล้วเห็นรากใหญ่ ก็ได้เวลาเก็บเกี่ยว หรือ ให้สังเกตดูที่ผิวดินบริเวณโคนต้น ถ้ารอยดินแตกแยก และมองเห็นหัวมันเทศ แสดงว่ามันเทศเริ่มแก่ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้
- ตัดใบตัดเครือทิ้งจนเหลือแต่ตอแล้วจึงขุดหัวมันขึ้นมาครับ ควรระวังไม่ให้อุปกรณ์การขุด ไปโดนหัวมันให้เกิดความเสียหาย
การเก็บรักษา
มันม่วงสามารถเก็บหัวไว้บริโภคได้ 1-2 เดือน แต่อย่าให้ถูกแสงแดด หรืออับอากาศ ปลูกมันม่วงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการดูแล ติดตามได้ในบทความ การดูแลมันม่วง หรือมันเทศญี่ปุ่นสีม่วง หลังการปลูก
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : คลิ๊กที่นี่
(แหล่งข้อมูล : www.girlsfriendclub.com, www.wikiwand.com, www.orchidtropical.com, https://finance.rabbit.co.th, www.ecitepage.com)