ถังพ่นยาไฟฟ้าเป็นเครื่องมือการเกษตรที่อำนวยความสะดวก และช่วยทุ่นแรง ให้กับเกษตรกร
ใช้สำหรับฉีดพ่นยา, พ่นปุ๋ย หรือของเหลวต่างๆ ให้กับต้นพืช ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในการฉีดยาฆ่าเชื้อตามสถานที่ต่างๆ อีกด้วย หัวฉีดสามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ ปรับความแรงการกระจายของน้ำได้ สะดวกต่อการใช้งานและการเคลื่อนย้าย
การใช้งาน-ดูแลถังพ่นยาไฟฟ้า
ปัญหาที่พบมากในการใช้งานถังพ่นยาไฟฟ้าแบตเตอรี่ คืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถใช้งานได้ค่อนข้างนาน ถ้าเราดูแลอย่างถูกวิธี ดังนี้
- ในการเปิดใช้งานครั้งแรก ควรชาร์ทถังพ่นยาไฟฟ้าก่อนใช้ 8 ช.ม.
- ในการชาร์จครั้งต่อไป ชาร์จ 3-4 ช.ม. ก็พอ ไม่จำเป็นต้องชาร์จข้ามคืน
- แบตเตอรี่ถังพ่นยาไฟฟ้า เป็นแบตแบบแห้งเหมือนที่ใช้ในรถยนต์ มีอายุการใช้งาน 2-3 ปี
- ในการใช้งานไม่ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง ถึงไม่ได้ใช้งานก็ควรหมั่นชาร์จไฟ ไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่หมด จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
- ควรปิดสวิทซ์เครื่องทุกครั้ง เวลาชาร์จแบตเตอรี่ เนื่องจากเวลาเราใช้เครื่องไปนานๆ ไฟบอกสถานะมักจะเสีย และถ้าเราเปิดสวิซท์ทิ้งไว้แต่ไม่กำมือบีบ มักจะได้ยินเสียงปั๊มมอเตอร์ทำงาน นั่นจะส่งผลให้ปั๊มทำงานตลอดเวลา และไหม้ในที่สุด
- ก่อนการฉีดพ่นทุกครั้งต้องสวมหน้ากาก และถุงมือ ใส่เสื้อผ้าปิดร่างกายให้มิดชิด เพื่อป้องกันละอองสารเคมีไม่ให้ถูกร่างกาย หลังจากการฉีดพ่นควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด
- ควรเติมน้ำสะอาด และควรเทน้ำยาผ่านตะแกรงกรองน้ำเสมอ เมื่อเติมน้ำ เนื่องจากน้ำที่เราใช้จะต้องผ่านปั๊มมอเตอร์ ซึ่งมีขนาดเล็ก ถ้าใช้น้ำที่ไม่สะอาด จะทำให้เศษดิน เศษผงเข้าไปสะสมในตัวปั๊ม อาจทำให้แรงดันน้ำลดลง หรือทำให้ปั๊มเกิดความเสียหายได้
- เวลาเกษตรกรใช้ยาหรือปุ๋ย ชนิดที่เป็นผงละลายน้ำ หลังจากใช้งานถังพ่นยาไฟฟ้าควรล้างถังทุกครั้ง เนื่องจากยาหรือปุ๋ยบางชนิดอาจะละลายน้ำไม่หมด ผงเหล่านี้จะเป็นตะกอนค้างอยู่ในปั๊ม เป็นสาเหตุให้มอเตอร์ของปั๊มพังได้ ควรล้างถังและฉีดพ่นด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน
- หลังจากใช้งานถังพ่นยา และทำความสะอาดถังพ่นยาเรียบร้อยแล้ว ควรเก็บถังพ่นยาไว้ในที่ร่ม เพราะตัวถังพ่นยาทำจากพลาสติกจะทำให้สีซีด และพลาสตสติกกรอบแตกได้
หากลูกค้ามีปัญหา หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า
สามารถแอดไลน์มาที่ : @m-group หรือคลิ๊กที่ลิงค์ m-group