โรคพริก
โรคพริก มีสาเหตุมาจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และไส้เดือนฝอย การนำเสนอบทความนี้ ผู้เขียนมีจุดประสงค์ให้ผู้ปลูกพริก หรือเกษตรกรได้เรียนรู้สาเหตุการเกิดโรคต่างๆ การป้องกัน และการกำจัด โรคพริก อย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงและมีคุณภาพ ไม่เกิดความเสียหาย และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่การลงทุน โรคพริก มีหลายโรคด้วยกัน หากดูแลต้นพริกหลังการปลูกไม่สม่ำเสมอหรือไม่ทั่วถึงแล้ว ก็จะพบกับอาการของโรคพริก ดังนี้
โรคแอนแทรกโนส หรือโรคกุ้งแห้ง
โรคนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อรา ลักษณะแผลจะเป็นจุดฉ่ำน้ำรูปวงรีหรือรูปไข่ และแผลจะขยายได้กว้างอย่างไม่มีขอบเขต จากนั้นแผลจะบุ๋มลึกเป็นสีน้ำตาล และมีจุดสีดำเรียงซ้อนกันในแผล และแผลอาจมีเมือกสีส้มอ่อน ผลพริกจะโค้งงอหรือหดย่นคล้ายกุ้งแห้ง ในขั้นรุนแรง จะทำให้กิ่งแห้ง เชื้อโรคนี้สามารถติดไปกับเมล็ดพันธุ์ ปลิวไปตามลม หรือตกค้างในดิน และสามารถระบาดได้อย่างรวดเร็วในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิระหว่าง 27 ถึง 30 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์
การป้องกันและกำจัด
- เลือกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เป็นโรค
- คลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมี เช่น สารแมนโคเซป หรือ สารคาร์เบ็นดาซิม ก่อนปลูกเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์ หรือแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที
- ควรเว้นระยะห่างตามความเหมาะสมเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ต้นพริกได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง และง่ายต่อการกำจัดโรค
- ควรพ่นสารเคมี หรือน้ำหมักสมุนไพรป้องกันโรค ช่วงที่ต้นพริกออกดอกจนถึงช่วงที่ติดผล
- ตัดกิ่งหรือผลที่เป็นโรคไปทำลายด้วยการเผา เพื่อลดเชื้อสาเหตุให้น้อยลงหากพบการระบาดของโรค และใช้สารเคมีหรือน้ำหมักสมุนไพรกำจัดโรคฉีดพ่นให้ทั่ว (ติดตามได้ในบทความ เพิ่มรายได้ ด้วย พริกปลอดสาร)
โรคเน่าเปียก
มีเชื้อราเป็นสาเหตุให้เนื้อเยื่อของยอดอ่อน ใบอ่อน ตาดอก และดอก เน่าเละ และเป็นสีน้ำตาลดำ โดยลุกลามจากยอดลงมา ใบจะไหม้มีสีน้ำตาลดำอย่างรวดเร็วและลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ซึ่งความชื้นในแปลงที่สูงจะทำให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรงได้
- การป้องกันและกำจัด
เว้นระยะปลูกที่เหมาะสม ไม่ปลูกต้นพริกชิดจนเกินไป ทำให้การระบายอากาศไม่ดี มีความชื้นสูง - ดูแลตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง ไม่แน่นทึบจนเกินไป
- หากพบกิ่งที่เป็นโรค ให้ตัดและนำไปเผาทำลาย แล้วใช้สารเคมี เช่น สารไตรโฟรีน สารประกอบทองแดง หรือสารไทอะเบนดาโซล ฉีดพ่นกำจัดโรค หรือใช้น้ำหมักสมุนไพรกำจัด
โรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อราฟูซาเรียม อ๊อกซี่สปอร์รั่ม (Fusarium oxysporum)
โรคนี้มักเกิดขึ้นเมื่อมีการปลูกพริกซ้ำที่เดิมเป็นเวลานาน เพราะเชื้อราอาศัยอยู่ในซากต่างๆ ในดินได้ดี เริ่มจากเข้าทำลายส่วนราก หรือลำต้นที่ระดับคอดินหรือใต้ดิน เมื่อรากเน่า ใบล่างจะเหลืองและลุกลามขึ้นด้านบน เหี่ยว และร่วงหล่น อาการรุนแรงได้ถึงขั้นยืนต้นตาย มักเกิดโรคในระยะออกดอกและติดผล
การป้องกันและกำจัด
- หลีกเลี่ยงการปลูกพริกซ้ำที่เดิมเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องปลูกซ้ำที่เดิม ควรปลูกพืชหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด หรือพืชตระกูลถั่ว เป็นต้น หรือ กำจัดซากพืชออกจากพื้นที่เพาะปลูก แล้วไถพรวนดินเพื่อลดการสะสมเชื้อโรค
- ปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน และเพิ่มจุลินทรีย์ในดินด้วยการใส่ปูนขาว หรือปูนมาร์ล ในอัตรา 200 ถึง 400 กิโลกรัม ต่อไร่ และใส่อินทรียวัตถุในอัตรา 2 ถึง 4 ตัน ต่อไร่
- ถอนต้นที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูก แล้วใช้สารเมตาแลกซิล หรือสารอีทริไดอะโซล หรือสารพีซีเอ็นบีผสมอีทริไดอะโซล หรือสารชีวภัณฑ์ราดดินบริเวณที่ต้นที่ถอนออกไป
โรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อราไฟทอฟโธร่า แคพไซไค (Phytophthora capsici)
โคนต้นและรากจะเน่า เกิดอาการเหี่ยวในระยะติดผล ผลมีลักษณะฉ่ำน้ำ เนื้อผลเป็นสีดำ ในขั้นรุนแรง จะเข้าทำลายเมล็ด และยืนต้นตาย
การป้องกันและกำจัด
- หลีกเลี่ยงการปลูกพริกซ้ำที่เดิมเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องปลูกซ้ำที่เดิม ควรปลูกพืชหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด หรือพืชตระกูลถั่ว เป็นต้น หรือ กำจัดซากพืชออกจากพื้นที่เพาะปลูก แล้วไถพรวนดินเพื่อลดการสะสมเชื้อโรค
- ปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน และเพิ่มจุลินทรีย์ในดินด้วยการใส่ปูนขาว หรือปูนมาร์ล ในอัตรา 200 ถึง 400 กิโลกรัม ต่อไร่ และใส่อินทรียวัตถุในอัตรา 2 ถึง 4 ตัน ต่อไร่
- ก่อนปลูกต้นกล้า ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก ผสมเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือเชื้อบาซิลลัส อัตรา 80 ถึง 150 กรัม รองก้นหลุม
- หมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบต้นที่เป็นโรค ให้ถอนออกไปเผาทำลายนอกแปลง และพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดโรค เช่น สารเมทาแลกซิล หรือ สารฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม
โรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อแบคทีเรียจะเข้าทำลายทางรอยแผลที่เกิดจากการเขตกรรม หรือแผลที่เกิดจากการเข้าทำลายของแมลงหรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดิน ทำให้เกิดอาการเหี่ยวเขียวกระจายเป็นกลุ่มๆ ยอดและกิ่งใบจะลู่ลงในช่วงกลางวัน และฟื้นตัวในช่วงกลางคืน ในขั้นรุนแรง จะเหี่ยวและยืนต้นตายขณะที่ใบยังเขียวอยู่ได้ภายใน 2 ถึง 3 วัน
การป้องกันและกำจัด
- ถอนต้นที่เป็นโรคออกไปทำลายด้วยการเผา
- ไถตากดินเพื่อทำลายเชื้อ
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์แข่งขันในดิน
- ปลูกพืชหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด หรือพืชตระกูลถั่ว
โรครากเน่าและโคนเน่า
โรคนี้มีสาเหตุเกิดจากราเมล็ดผักกาด ทำให้ต้นกล้าเน่า หรือทำให้ต้นที่เจริญเติบโตแล้วเกิดอาการใบเหลือง เหี่ยว ร่วง และยืนต้นตาย
การป้องกันและกำจัด
- กำจัดเศษซากต้นพริกและวัชพืชออกจากแปลงปลูกให้หมด หลังการเก็บเกี่ยว ไม่ควรไถกลบ
- เมื่อกำจัดเศษต่างๆ ออกไปหมดแล้ว จึงไถพลิกดิน และตากดินไว้อย่างน้อย 7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจตกค้างอยู่ในดิน
- ควรปลูกพืชหมุนเวียน ก่อนปลูกพริกรอบต่อไป
- ใส่ปูนขาวและอินทรียวัตถุให้ดิน เพื่อปรับสภาพดินและช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน
- แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที และ/หรือคลุกสารป้องกันและกำจัดเชื้อรา
- ตรวจสอบต้นกล้าก่อนการย้ายปลูก เพื่อให้แน่ใจว่าต้นกล้ามีความแข็งแรงและปลอดโรค
- รองก้นหลุมปลูกต้นกล้าด้วยสารเชื้อราไตรโคเดอร์มา ฮาเซียนัม หรือผงจุลินทรีย์บาซิลลัส ซับติลิส
- ควรปลูกพริกในระยะห่างที่เหมาะสม ไม่ควรปลูกชิดกันเกินไป
- หมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบอาการของโรคปรากฏ หรือพบการระบาดให้รีบกำจัดในทันทีโดยการถอนต้นพริกไปเผาทำลาย จากนั้นขุดดินบริเวณหลุมปลูกออกไปนอกแปลงแล้วใช้ สารเทอร์ราคลอร์ หรือสารเทอร์ราคลอร์ซุปเปอร์เอ๊กซ์ พ่นหรือราดดินเพื่อกำจัดเชื้อ หรือคลุกดินบริเวณหลุมปลูกด้วยสารเชื้อราไตรโคเดอร์มา
โรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CVMV (Chilli veinal mottle virus)
เชื้อไวรัสชนิดนี้ทำให้เนื้อใบด่างเขียวซีด โดยเฉพาะในส่วนของปลายใบ ในขั้นรุนแรง ใบจะเล็ก ลีบ เปลี่ยนรูปร่าง ใบยอดหด สั้น ร่วงง่าย ต้นพริกจะชะงักการเจริญเติบโต ให้ผลผลิตน้อยลง ขนาดผลเล็กลง ผลด่าง รูปร่างบิดเบี้ยวและผิวผลขรุขระ แพร่เชื้อโดยการสัมผัสโดยมีเพลี้ยอ่อนเป็นแมลงพาหะ เชื้อไวรัสสาเหตุของโรคนี้มีพืชอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น ต้นลำโพง ต้นยาสูบ และมะเขือเทศ
การป้องกันและกำจัด
- ถอนทำลายต้นพริกที่เป็นโรคใบด่างไปเผาทำลาย และกำจัดเศษซากต้นพริกออกไปทำลายให้หมดด้วยเช่นกัน
- ป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อนด้วยการฉีดพ่นสารสกัดจากพืช เช่น สะเดา หางไหล สาบเสือ ตะไคร้หอม และดาวเรือง ผสมกับน้ำผสมผงซักฟอกเจือจาง หรือน้ำยาล้างจานเจือจาง
- หมั่นตรวจสอบแปลงปลูก หากพบการเกิดโรคให้รีบกำจัดก่อนแพร่ระบาด
- กำจัดวัชพืชบริเวณแปลงปลูกเป็นประจำ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของแมลงพาหะ
- ปลูกพืชหมุนเวียนสลับกับการปลูกพริก
โรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัสPVY (Potato virus Y)
เริ่มจากเส้นใบบวม ใส, ใบด่าง หด ย่น, ต้นแคระแกร็น, ผลผลิตลดลง, ขนาดผลเล็กลง ด่าง และรูปร่างผิดปกติ มีเพลี้ยอ่อนเป็นแมลงพาหะเช่นเดียวกันกับโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CVMV และมีพืชอาศัย คือ ต้นยาสูบ และมะเขือเทศ
การป้องกันและกำจัด
- ป้องกันและกำจัดโรคด้วยวิธีเดียวกันกับโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CVMV
- ไม่ควรปลูกพริกสายพันธุ์ที่อ่อนแอ ไม่ทนต่อโรคร่วมกับพืชอาหารของเชื้อสาเหตุของโรคนี้ เช่น มันฝรั่ง ยาสูบ และมะเขือเทศ
โรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CMV ( Cucumber mosaic virus)
ทำให้ใบพริกด่าง มีสีเขียวอ่อนสลับสีเขียวเข้ม หรือสลับสีเหลือง หรือจุดสีเหลืองกระจายตามใบ ต้นแคระแกร็น ไม่ออกดอก ใบเล็กลง ผลมีจุดสีเหลืองซีด ผิวผลหยาบ ผลมีรูปร่างผิดปกติ มีเพลี้ยอ่อนเป็นพาหะนำโรค และมักเกิดการระบาดร่วมกับพืชตระกูลแตง
การป้องกันและกำจัด
- ป้องกันและกำจัดโรคด้วยวิธีเดียวกันกับโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CVMV
- ไม่ควรปลูกพริกสายพันธุ์ที่อ่อนแอ ไม่ทนต่อโรคร่วมกับพืชตระกูลแตง
- ถอนต้นและกำจัดเศษซากต้นพริกที่เป็นโรคไปเผาทำลาย
- กำจัดวัชพืชไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของเพลี้ยอ่อน
โรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส TEV (Tobacco etch virus)
เกิดอาการเส้นใบมีลักษณะใส เป็นแถบ ใบและผลด่างเป็นวงซ้อน ส่วนเนื้อเยื่อเป็นวงแห้งสีเหลือง ผลมีรูปร่างและขนาดที่ผิดปกติ ใบอ่อนที่แตกมาใหม่มีขนาดเล็กลง ใบด่าง หด ย่น อาจเกิดอาการรากแห้ง เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ต้นเหี่ยว ใบร่วง และต้นตายภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์ มีเพลี้ยอ่อนเป็นพาหะนำโรค
การป้องกันและกำจัด
- ป้องกันและกำจัดโรคด้วยวิธีเดียวกันกับโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CVMV
- ไม่ควรปลูกพริกสายพันธุ์ที่อ่อนแอ ไม่ทนต่อโรคร่วมกับพืชตระกูลแตง
- ถอนต้นและกำจัดเศษซากต้นพริกที่เป็นโรคไปเผาทำลาย
- กำจัดวัชพืชไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของเพลี้ยอ่อน
โรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัสAMV (Alfalfa mosaic virus)
ใบพริกจะด่างเป็นสีเหลืองซีดถึงขาวสลับกับสีเขียวเข้ม เส้นใบเหลืองซีด ผลบิดเบี้ยว และแห้งตายในที่สุด มีเพลี้ยอ่อนเป็นพาหะนำโรคเช่นเดียวกันกับโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ
การป้องกันและกำจัด
- ป้องกันและกำจัดโรคด้วยวิธีเดียวกันกับโรคใบด่างที่เกิดจากเชื้อไวรัส CVMV
- ไม่ควรปลูกพริกสายพันธุ์ที่อ่อนแอ ไม่ทนต่อโรคร่วมกับพืชตระกูลแตง
- ถอนต้นและกำจัดเศษซากต้นพริกที่เป็นโรคไปเผาทำลาย
- กำจัดวัชพืชไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของเพลี้ยอ่อน
โรคใบหงิกเหลือง
เกิดจากเชื้อไวรัสใบหงิกเหลือง ที่ทำให้ใบพริกด่างเหลือง และโปร่งแสงระหว่างเส้นใบหรือเส้นใบเหลืองเป็นร่างแหบริเวณโคนใบและขอบใบ ใบโค้งงอคล้ายรูปถ้วย กลางใบหงิกย่น ผลผลิตลดลง ต้นพริกหยุดการเจริญเติบโต โรคนี้มีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ พบระบาดมากในช่วงฤดูแล้ง โดยมีพืชอาศัยหลายชนิด เช่น กระเจี๊ยบมอญ แตงกวา พืชตระกูลถั่วบางชนิด บวบเหลี่ยม พริก ฟักเขียว ฟักทอง มะเขือเทศ มะระจีน กระทกรก ครอบจักรวาล พันงูเขียว มะเขือยักษ์ ไม้กวาด สาบแร้งสาบกา ผักแครด และหญ้ายาง
การป้องกันและกำจัด
- เลือกพันธุ์พริกที่มีความต้านทานต่อโรค
- ใช้แผ่นพลาสติกสีบรอนซ์คลุมแปลงเพื่อไล่แมลง ลดการระบาดของแมลงพาหะ โดยควบคุมวัชพืชและทำกับดักกาวเหนียว
- หมั่นสำรวจ หากพบต้นพริกที่มีอาการของโรค ให้ทำการถอนออกทั้งต้น ไปเผาทำลาย
- กำจัดวัชพืชที่เป็นแหล่งอาศัยและสะสมเชื้อไวรัส
- ใช้สารเคมี เช่น สารอิมิดาโคลพริด หรือสารคาร์โบซัลแฟน หรือสารอะซีเฟท หรือสารไบเฟนธรินหรือใช้น้ำหมักสมุนไพรกำจัดแมลงหวี่ขาว
- ปลูกพืชพมุนเวียนสลับกับการปลูกพริก
โรคใบจุดตากบ
มีเชื้อสาเหตุคือ เชื้อรา ทำให้เกิดแผลวงกลมหรือทางยาว มีขอบแผลสีน้ำตาลเข้ม เนื้อแผลสีน้ำตาลอ่อน กลางแผลสีเทา หรือขาวที่บริเวณ ใบ ลำต้น ผล และก้านผล ในขั้นรุนแรง แผลจะขยายติดกันทำให้ใบไหม้ หรือหลุด พบการระบาดในสภาพอากาศร้อนชื้น มีลมและสัตว์เป็นพาหะ เชื้อสาเหตุของโรคนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานในซากพืช ในดิน และเมล็ดพันธุ์
การป้องกันและกำจัด
- ไม่ควรปลูกต้นพริกแน่นหรือชิดกันจนเกินไป ควรปลูกเว้นระยะตามคำแนะนำในบทความ การปลูกพริก เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ช่วยลดความชื้น และป้องกันโรค
- เมื่อพบการเกิดโรค ให้รีบกำจัดในทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
- ในการกำจัดโรคนั้น ให้ลดการให้น้ำ และพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดโรค เช่น สารแมนโคเซป หรือสารมาเนบ หรือสารเบนโนมิล หรือน้ำหมักสมุนไพร
โรคลำต้นไหม้
โรคนี้เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีเชื้อราเป็นสาเหตุ อาการเริ่มจากรอยไหม้สีดำบริเวณลำต้น
การป้องกันและกำจัด
- ไถพลิกดิน และตากทิ้งไว้อย่างน้อย 7วัน ก่อนทำแปลงปลูก
- จัดการระบบระบายในแปลงปลูกให้ดี ระวังอย่าให้มีน้ำท่วมขัง
- ระวังอย่าให้น้ำจากแปลงปลูกต้นพริกที่เป็นโรคไหลผ่านแปลงที่ไม่เป็นโรค
- ถอนต้นพริกที่เป็นโรคไปเผาทำลาย
- ใช้เชื้อปฏิปักษ์ คือ เชื้อราไตรโคเดอร์มา และแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส หรือ สารเมตาแลคซิล หรือสารคลอโรทาโลนิล หรือสารฟอสฟอริคแอสิค
โรคกุ้งแห้งเทียม
เกิดจากเชื้อรา เริ่มต้นอาการที่ด้านบนของใบเป็นแผลกลมสีน้ำตาล อาจมีขอบสีเหลืองหรือวงสีน้ำตาลซ้อนกันคล้ายโรคกุ้งแห้ง โรคนี้มักเกิดที่ผลมากกว่าที่ใบ บริเวณรอยเจาะของแมลงวันผลไม้ หรือเนื้อเยื่อที่บาง ผลจะเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดและแห้งจากการขาดธาตุแคลเซียมและโบรอน ในสภาวะอากาศชื้น มักเกิดเส้นใยคล้ายกำมะหยี่สีดำปกคลุมแผล
การป้องกันและกำจัด
- ป้องกันผล จากการเกิดบาดแผล
- ดูแลและบำรุงต้นพริกให้ได้รับธาตุอาหารครบถ้วน
- ใช้สารเดอโรซาน หรือสารรอฟรัสในการป้องกันและกำจัดโรค
โรคราแป้ง
เกิดจากเชื้อราที่มักระบาดในฤดูหนาว สังเกตเห็นอาการเริ่มต้นที่มีผงคล้างแป้งสีขาวปกคลุมใบแก่ส่วนล่างของลำต้น หรือส่วนอื่นๆ เช่น ยอดอ่อน ใบอ่อน หรือผลอ่อน ให้ผิดรูปร่าง และดูดน้ำเลี้ยงทำให้เหลืองและต้นแห้งตาย
การป้องกันและกำจัด
- กำจัดซากพืช และวัชพืชในแปลงให้หมด
- ใช้สารไดโนแคป สารไตรโฟรีน และสารเบโนมิล กำจัด
โรครากปม
เกิดจากไส้เดือนฝอย ใช้ปากแทงเนื้อเยื่อแล้วดูดน้ำเลี้ยงจากรากเป็นอาหาร ทำให้ต้นพริกชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและขนาดเล็กลง รากเป็นผม และเน่า ต้นแคระแกร็น เหี่ยว ใบเหลือง จุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ เข้าทำลายต้น และต้นตายได้ การแพร่ระบาดของไส้เดือนฝอยนั้น จะไปกับดิน น้ำ ต้นกล้า และเครื่องมือที่ใช้ในแปลงปลูกที่มีไส้เดือนฝอย
การป้องกันและกำจัด
- โรยแกลบหรือฟางแห้งให้ทั่วพื้นที่เพาะปลูก หนาประมาณ 5 เซนติเมตร จากนั้นเผาแกลบหรือฟางให้ทั่วพื้นที่นาน 8 ชั่วโมง (อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 600 องศาเซลเซียส) แล้วใช้ดินโรยเพื่อดับไฟ เมื่อดินเย็นจึงเริ่มทำแปลง และทำการเพาะปลูกตามปกติ
- หมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบต้นที่เป็นโรค ให้ถอนต้นพริกไปเผาทำลาย
- ก่อนและหลังปลูกควรไถพลิกหน้าดินตากแดดทิ้งไว้อย่างน้อย 7 วัน
- หากพบการระบาดของไส้เดือนฝอย ไม่ควรใช้เครื่องมือการเกษตรจากบริเวณที่พบการระบาดร่วมกับพื้นที่อื่น
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก ช่วยลดปริมาณไส้เดือนฝอย
- ปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลิสง หรือปอเทือง ปลูกดาวเรืองและงา สลับกับพริกประมาณ 1 ถึง 2 ครั้ง เพื่อตัดวงจรชีวิตไส้เดือนฝอย
- ใช้เชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ในการกำจัด เช่น เชื้อรา Paecilomyces lilacinus หรือ เชื้อแบคทีเรีย Pasteuria penetrans
อย่าพลาดติดตามบทความ แมลงศัตรูพริก และ บทความ เพิ่มรายได้ ด้วย พริกปลอดสาร นะคะ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : คลิ๊กที่นี่
(แหล่งข้อมูล : หนังสือ วางแผน…การปลูกสารพัดพริกช่วงแพง สนพ.นาคา โดย อภิชาติ ศรีสะอาด และ พัชรี สำโรงเย็น)